ท่ามกลางการผันแปรของสังคม ศิลปินจึงเกิดขึ้นเสมอและมีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นไปตามสภาพธรรมชาติของมนุษย์ ที่เบื่อหน่ายต่อความซ้ำ ๆ ซาก ๆ และจำเจ แหล่งกำเนิดของศิลปินนั้นก็คือสถาบันการศึกษาศิลปะ หากพิจารณาดูหลักสูตรและวิธีการศึกษาศิลปะในสำนักศึกษา แต่ละแห่งต่างคิดค้นหาวิธีให้ผู้ศึกษามีความรู้ ความสามารถตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ บางแห่งก็ยึดถือเอาฝีมือมาก่อนความคิดมีการศึกษาค้นคว้าจากธรรมชาติโดยตรงจากนั้นจึงค่อยพัฒนาตนเองสู่แนวการสร้างสรรค์ บางสำนักก็ถือว่าความรู้มาก่อนฝีมือตัดทอนการศึกษาโดยตรงจากธรรมชาติเขาสู่แนวทางแห่งการสร้างสรรค์โดยทางลัด บางสำนักก็ตัดปัญหาศึกษาแต่ของดีที่ศิลปินสมัยต่าง ๆ ได้ทำได้ค้นคว้ามาอย่างถูกต้องถ่องแท้ผู้ศึกษามีหน้าที่ลอกเลียนและจดจำ สามารถนำมาปฏิบัติได้ก็เพียงพอแล้ว
จึงปรากฏให้เห็นเสมอ ที่นักศึกษาจากสถาบันนั้นคิดเก่งแต่ทำไม่ได้หรือบางคนจากสถาบันโน้นสร้างงานดีฝีมือเยี่ยม แต่ความคิดก็อย่างงั้น ๆ ส่วนผู้สำเร็จจากอีกสถาบันหนึ่งทั้งคิดทั้งทำไม่เอาไหนเลยก็มีมีบ่อยครั้งและค่อนข้างเกิดขึ้นมากในหมู่นักศึกษาศิลปะ กับผู้ที่ต้องการเป็นศิลปินอาชีพ พวกเขามักมองอนาคตค่อนข้างเลือนราง ไม่สามารถกำหนดทิศทางและบทบาทของตนเองได้ว่าจะเลือกเส้นทางใดดี ซึ่งบทบาทและหน้าที่ของศิลปินนั้นมีอยู่มากมายด้วยกัน คือทำหน้าที่บันทึก เป็นผู้จารึกบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในยุคสมัยที่ศิลปินมีชีวิตอยู่ การบันทึกนี้เป็นไปได้ทั้งมุมมองที่แคบและกว้าง อาจเป็นทัศนะทางสุคติ หรือมองโลกในแง่ดีหรือทุคติซึ่งเป็นการมองโลกในแง่ร้ายหรือจะแง่สัมมาคติอันเต็มไปด้วยทรรศนะกลาง ๆ ก็ย่อมได้ การสะท้อนถ่ายในแนวนี้เป็นไปได้ทั้งแบบตรงไปตรงมา ดุจภาพสะท้อนของกระจกเงาหรือแฝงอารมณ์ความคิดเห็นของศิลปินลงไปก็ไม่ผิดกติกา ศิลปินผู้ทำหน้าที่ในแนวทางนี้มีอยู่มากในสังคมของชาวตะวันตกในปัจจุบัน ดังเช่นศิลปินกลุ่มป๊อบ อาร์ต กลุ่มสัจนิยมใหม่ กลุ่มแฮฟเพ็นนิ่ง ฯลฯ มีข้อน่าสังเกตอยู่บ้างก็คือศิลปินไทยเลือกเส้นทางนี้น้อยมาก