งานปูนปั้น นับเป็นงานช่างสาขาหนึ่งที่สืบทอดต่อกันมานาน เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่นิยมกันมาแต่โบราณ มีทั้งงานปั้นองค์พระพุทธรูปและปั้นประดับตกแต่งอาคารสิ่งก่อสร้างทาง สถาปัตยกรรมหน้าบัน อุโบสถ วิหาร ฐานพระพุทธรูป ฐานเจดีย์ ลายที่ปั้นมักเป็นลายไทยที่มีความวิจิตรพิสดารผสมผสานกันอยู่กันรูปปั้นพุทธประวัติ ประกอบด้วย เทพ เทวดา สัตว์หิมพานต์ และสัตว์ในวรรณคดี ในอดีตการปั้นจะใช้ปูนซึ่งทำมาจากเปลือกหอยเผาไฟที่นำไปตำจนละเอียดผสมกับน้ำ อ้อย กระดา หนังหรือเขาสัตว์เผาไฟ แล้วนำไปตำรวมกัน ทำให้ได้ปูนที่มีความเหนียวสามารถปั้นเป็นรูปต่างๆได้ง่าย และเมื่อแห้งแล้ว จะแข็งตัวและทนแดด ทนฝนได้ดี เรียกว่า ปูนเพชร ปัจจุบัน ช่างปั้นจะใช้ปูนขาวสำหรับปั้น ที่มีขายในท้องตลาดไปตำรวมกับกระดา กาวหนังสัตว์ ทรายละเอียดและน้ำเพื่อให้ได้ปูนที่มีความเหนียวพอดีเหมาะสำหรับงานปั้น
ทางด้านศิลปะปูนปั้นของทางตะวันตกก็มีเช่นกัน และงดงามไม่แพ้ศิลปะปูนปั้นของที่ไหนเลย เริ่มมาตั้งแต่ 7000 ปีก่อนคริสตกาลและมารุ่งเรืองที่ประเทศอิตาลีในยุคเรอเนซองส์ ในประเทศเยอรมนีการทำปูนปั้นเริ่มเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1545 ที่วังที่เมืองแลนด์ชุท
ในไทยนั้นศิลปะปูนปั้น คงเป็นศิลปะที่งดงามและทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ปรากฏที่เมืองฟ้าแดดสูงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ และในภาคเหนือที่เมืองหริภุญชัยหรือลำพูน เป็นต้น สันนิษฐานว่าศิลปะการปั้นปูนดังกล่าวนี้คงได้รับการถ่ายทอดมาจากช่างชาวอินเดีย ที่เดินทางเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้พร้อมๆ กับการเข้ามาเผยแผ่ของศาสนาพุทธและฮินดู